0
0
ช่วงเช้าที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น สำนักข่าวทาสส์ ของรัสเซียรายงานโดยอ้างข้อมูลจากเทเลแกรมของเซอร์เก โซเบียนิน นายกเทศมนตรีกรุงมอสโกที่ระบุว่า
เมื่อช่วงเวลาตี 4 ที่ผ่านมามาโดรนปริศนา 2 ลำ ได้โจมตีอาคารที่ไม่ใช่ที่พักพลเรือน 2 แห่ง แต่เคราะห์ดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นกระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานว่า โดรนทั้งสองลำถูกอุปกรณ์ก่อกวนสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์สกัดไว้ได้ แต่ได้สร้างความเสียหายแก่ตึกที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
ยูเครนยึดดินแดนคืน 50% แล้ว-ประณามรัสเซียทำลายมรดกโลก
ปัจจัยกดดันหุ้นไทย จับตา “เพื่อไทย” ดีลสลับขั้ว-ชุมนุมนอกสภา
โดรนลำแรกถูกสกัดและพุ่งชนตึกในถนนคัมซอโมลสกัม ส่วนอีกลำหนึ่งถูกสกัดไปพุ่งชนตึกบนถนนลิคาเชฟ ซึ่งถนนทั้งสองสายอยู่ในพื้นที่รอบนอกของกรุงมอสโก กระทรวงกลาโหมรัสเซียอ้างว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นฝีมือของกองทัพยูเครน โดยเรียกว่าเป็นการก่อการร้าย
ขณะเดียวกัน สื่อรัสเซียรายงานเพิ่มเติมว่าเศษซากของโดรนลำแรกที่ถูกสกัดไปตกบนถนนคัมซอโมลสกัม อยู่ห่างจากอาคารที่ทำการของกระทรวงกลาโหมรัสเซียออกมาเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น ด้านประชาชนรัสเซียในกรุงมอสโกที่อาศัยอยู่ข้างๆ สถานที่เกิดเหตุบนถนนคัมซอโมลสกัมเล่าว่าตื่นมาช่วงเช้ามืดเนื่องจากได้ยินเสียงระเบิดกึกก้อง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เธอตกใจมาก
เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา สำนักข่าว CNN รายงานว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศยืนยันการโจมตีคาบสมุทรไครเมีย โดยระบุว่ายูเครนได้ส่งโดรนประมาณ 17 ลำโจมตีพื้นที่คาบสมุทรไครเมียตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา
แต่ทางการรัสเซียสามารถใช้อุปกรณ์ก่อกวนสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์สกัดไว้ได้ 14 ลำ ในจำนวนนี้ 3 ลำถูกระบบป้องกันภัยทางอากาศยิงสกัดตกบนคาบสมุทรไครเมีย ขณะที่อีก 11 ลำถูกสกัดตกในทะเลดำ
ขณะเดียวกัน เซอร์เก อัคโซนอฟ ผู้ว่าการแคว้นไครเมียที่ถูกแต่งตั้งโดยรัสเซียรายงานว่า โดรนของยูเครนได้โจมตีคลังเก็บกระสุนของรัสเซียในเมืองดชานกี ฐานที่มั่นสำคัญของรัสเซียบนคาบสมุทรแห่งนี้
นอกจากนี้ อัคโซนอฟระบุว่าโดรนของยูเครนยังได้โจมตีพื้นที่ทางการทหารของรัสเซียในเขตเวโซโลเย ซึ่งเป็นที่ตั้งของฐานทัพอากาศในทะเลดำของรัสเซีย บริเวณตอนกลางของคาบสมุทรไครเมีย ผลจากการโจมตีที่เกิดขึ้นทำให้ทางการของแคว้นสั่งปิดทางด่วนและทางรถไฟด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
อย่างไรก็ดี นี่ไม่ใช่การโจมตีครั้งแรก เนื่องจากยูเครนได้ส่งโดรนโจมตีคาบสมุทรไครเมียไปแล้วกว่า 43 ลำตั้งแต่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา
การโจมตีครั้งล่าสุด เกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางดึกจนถึงรุ่งสางของวันนี้ โนวัสตี โอเดสซา สื่อท้องถิ่นของแคว้นโอเดสซารายงานว่า รัสเซียได้โจมตีแคว้นนี้อีกครั้งโดยใช้โดรนพลีชีพอิหร่านรุ่นชาเฮด – 136 พุ่งเป้าโจมตีโครงสร้างท่าเรือบริเวณปากแม่น้ำดานูบ
ผลจากการโจมตีทำให้มีประชาชน 6 รายได้รับบาดเจ็บ คลังและแท็งก์สำหรับเก็บธัญพืชได้รับความเสียหาย นอกจากคลังเก็บธัญพืชและโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่าแล้ว เมื่อวานนี้ ทางการยูเครนรายงานว่ารัสเซียได้ใช้ขีปนาวุธโจมตีพื้นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของยูเครนหลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือ อาสนวิหารพระเยซูทรงจำแลงพระกาย หรือ Transfiguration Cathedral โบสถ์เก่าแก่และใหญ่ที่สุดของเมืองโอเดสซา
ผลจากการโจมตีทำให้อาสนวิหารแห่งนี้เสียหายอย่างหนัก หลังคาที่เป็นฐานของยอดโดมได้รับความเสียหาย ฝ้าเพดานด้านในที่เคยเป็นสีครีม-ทองหลายจุดพังถล่มลงมากองอยู่ที่พื้น เทวรูปและรูปวาดบางส่วนได้รับความเสียหายจากการโจมตี
คุณพ่อมิโรสลาฟ ผู้ช่วยอธิการประจำอาสนวิหารแห่งนี้ระบุว่าด้านในของวิหารได้รับความเสียหายอย่างหนัก สถาปัตยกรรมด้านในถูกทำลายเสียหาย
อาสนวิหารพระเยซูทรงจำแลงพระกายเป็นวิหารที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1809 มีอายุกว่า 214 ปี เคยถูกทำลายไปแล้วครั้งหนึ่งในช่วงปี 1936 ก่อนที่จะถูกบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ในช่วงปี 1999 หลังยูเครนประกาศตัวเป็นเอกราชจากสหภาพโซเวียต อาสนวิหารแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่มรดกโลกใจกลางเมืองโอเดสซา ตามประกาศขององค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา
การประกาศให้พื้นที่ใจกลางเมืองโอเดสซาเป็นพื้นที่มรดกโลก ทำให้เมืองแห่งนี้กลายเป็นมรดกของมนุษยชาติที่ต้องได้รับการปกป้อง ไม่เว้นแม้แต่ในภาวะสงคราม การคุ้มครองในภาวะสงครามจะเป็นไปตามอนุสัญญากรุงเฮกเพื่อการคุ้มครองทรัพย์สินทางวัฒนธรรมในกรณีที่เกิดความขัดแย้งทางอาวุธปี 1954 และอนุสัญญามรดกโลกปี 1972คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
นอกจากนี้ การจงใจโจมตีพื้นที่มรดกโลกทางวัฒนธรรมจะถูกนับเป็นหนึ่งในการก่ออาชญากรรมสงครามตามข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือ UNSC ที่รัสเซียเองก็เป็นสมาชิกถาวร
หลังจากรัสเซียโจมตีพื้นที่ใจกลางเมืองโอเดสซา โอเดรย์ อาซูเลย์ ผู้อำนวยการใหญ่องค์การยูเนสโก ได้ออกมาประณามรัสเซียผ่านหน้าเว็บไซต์ยูเนสโกและขอให้รัสเซียปฏิบัติตามพันธกรณีที่ระบุไว้ในสนธิสัญญาอนุรักษ์มรดกโลกทางวัฒนธรรมทั้งสองฉบับด้วย
ด้านโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนได้ออกมาประณามการกระทำของรัสเซียเช่นกัน โดยระบุว่ามีอาคารกว่า 50 แห่งที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และกว่าครึ่งเป็นสถาปัตยกรรมสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการคุ้มครองจากองค์การยูเนสโก
นอกจากนี้ ผู้นำยูเครนยังระบุว่าจะตอบโต้เรื่องนี้ ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าเป็นที่มาของการส่งโดรนโจมตีเมืองหลวงรัสเซียเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะที่พลโท อิกอร์ โคนาเชนคอฟ กระทรวงกลาโหมรัสเซียได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ทำลายอาสนวิหาร และตั้งเป้าหมายการโจมตีเป็นสถานที่ทางการทหารเท่านั้น
เมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีลูคาเชนโก ของเบลารุส ได้เดินไปพบและหารือร่วมกับประธานาธิบดีปูตินที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซีย โดยระหว่างการพูดคุย ผู้นำรัสเซียได้กล่าวถึงการรุกคืบของยูเครนว่าล้มเหลว
แต่ประเด็นที่หลายฝ่ายให้ความสนใจคือ การเคลื่อนไหวของกลุ่มแวกเนอร์ โดยผู้นำเบลารุสได้เล่าให้ผู้นำรัสเซียฟังว่ากลุ่มแวกเนอร์ต้องการบุกโปแลนด์ การกล่าวเช่นนี้ของผู้นำเบลารุส อาจกลายเป็นสัญญาณเตือนและยกระดับความตึงเครียดระหว่างโปแลนด์ซึ่งเป็นชาติพันธมิตรนาโต กับเบลารุส พันธมิตรสำคัญของผู้นำรัสเซียในยุโรปตะวันออก
เนื่องจาก เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ที่ผ่านมา หน่วยข่าวกรองของยูเครนประเมินว่าอาจมีกลุ่มนักรบรับจ้างแวกเนอร์กว่า 5,000 คนอยู่ในค่ายพักบนแผ่นดินเบลารุส โดยลี้ภัยตามเยฟเกนี ปริโกชินมาหลังสิ้นสุดเหตุการณ์การก่อกบฏ
รายงานดังกล่าวสอดคล้องกับภาพถ่ายทางดาวเทียมของบริษัทแพลนเน็ต แล็บ ที่เผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่รกร้างในเมืองทเซล ในแคว้นมอกิเลฟ ที่ค่อยๆ มีโครงสร้างสำคัญต่างๆ ปรากฏขึ้นมา หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจุดนี้อาจเป็นสถานที่กบดานของกลุ่มแวกเนอร์
